Content Strategy คือ กลยุทธ์ทางการตลาด ที่มุ่งเน้นการใช้คอนเทนต์เป็นเครื่องมือหลักในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในยุคนี้ผู้บริโภคมีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ทำให้ต้องวางแผนให้เหมาะสม ทั้งนี้ ถ้าอยากได้คอนเทนต์ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ลองนำ 6 กลยุทธ์ต่อไปนี้ ไปปรับใช้การรับทำคอนเทนต์ ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปดูกัน
-
เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
ก่อนการเริ่มทำคอนเทนต์ สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร เพราะผู้บริโภคแต่ละกลุ่มมีความต้องการ และพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อวิธีการนำเสนอเนื้อหาให้เหมาะสม
ดังนั้น ควรศึกษาพฤติกรรม ความสนใจ และปัญหาของลูกค้า เพื่อให้สร้างคอนเทนต์ที่สามารถสื่อสารได้อย่างตรงจุด ทำให้เพิ่มโอกาสในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น
-
เลือกรูปแบบเนื้อหา
การเลือกเนื้อหาในการสร้างคอนเทนต์ ควรพิจารณาจากทั้งกรณีศึกษา และประสบการณ์จริงของแบรนด์ เพื่อนำมาปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยการสร้างเนื้อหาสามารถแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบหลัก ได้แก่
- Real-Time Content: คอนเทนต์ที่อ้างอิงจากเหตุการณ์ปัจจุบัน หรือเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น ข่าวสาร และกระแสโซเชียล
- Lifestyle Content: คอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมาย เช่น การแนะนำสินค้า เคล็ดลับการใช้งาน หรือเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ
- Education Content: คอนเทนต์ให้ความรู้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความเชิงลึก คู่มือการใช้งาน หรือเคล็ดลับต่าง ๆ
- Seasonal Content: คอนเทนต์ที่สอดคล้องกับฤดูกาล หรือเทศกาล เช่น โปรโมชันปีใหม่ ของขวัญวันคริสต์มาส หรือแคมเปญวันสงกรานต์
ทั้งนี้ การเลือกใช้คอนเทนต์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับธุรกิจ จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวกับแบรนด์ หากคุณคิดว่าการเริ่มทำคอนเทนต์เป็นเรื่องที่ท้าทาย ก็ขอแนะนำ Something in Common บริษัทรับทำคอนเทนต์ พร้อมช่วยคุณวางกลยุทธ์ และผลิตคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
เลือกคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม
เนื่องจาก การสร้างคอนเทนต์มีหลากหลายรูปแบบ เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือบทความ ทำให้การสร้างคอนเทนต์ ไม่ใช่แค่การเขียนโพสต์สวย ๆ หรือวิดีโอที่เป็นไวรัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับประเภทของคอนเทนต์
- Facebook: เหมาะสำหรับคอนเทนต์ ที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วม เช่น โพสต์ให้ความรู้ รูปภาพ วิดีโอ หรือไลฟ์สดที่ช่วยกระตุ้นคอมเมนต์ และการแชร์
- Instagram: เหมาะสำหรับคอนเทนต์ที่เน้นความสวยงาม และความสร้างสรรค์ เช่น ภาพถ่าย วิดีโอสั้น หรือ Reels เป็นต้น
- TikTok: เหมาะสำหรับคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่มีความสนุก ทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ดี เช่น คลิปแนะนำสินค้า หรือรีวิว
- เว็บไซต์: เหมาะสำหรับคอนเทนต์ ที่ต้องการให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น บทความ บล็อก รีวิวสินค้า หรือคอนเทนต์ SEO
- เคล็ดลับ! คิดคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ ให้มัดใจคนอ่าน
-
กำหนด CTA ที่ทรงพลัง
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสร้างคอนเทนต์ในยุคปัจจุบัน คือการเพิ่มข้อความกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายลงมือทำบางสิ่ง หลังจากรับชมคอนเทนต์ หรือที่เรียกว่า Call to Action (CTA) ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้อ่าน หรือผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้า ตัวอย่าง CTA ที่นิยมใช้ ได้แก่ “ซื้อเลย” “สมัครฟรี”หรือ “ดูรายละเอียดเพิ่มเติม” เป็นต้น
-
วางแผนโพสต์อย่างสม่ำเสมอ
การเลือกช่วงวัน และเวลาที่เหมาะสมในการเผยแพร่คอนเทนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ควรสร้างปฏิทินคอนเทนต์ (Content Calendar) เพื่อกำหนดวัน และเวลาการโพสต์ให้เป็นระบบ พร้อมทั้งวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายว่า ช่วงเวลาใดมีแนวโน้มได้รับความสนใจมากที่สุด นอกจากนี้ ควรเผยแพร่คอนเทนต์อย่าง สม่ำเสมอ เพื่อรักษายอด Engagement และทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำมากขึ้น
-
ประเมินผลลัพธ์คอนเทนต์
หลังจากดำเนินแผนการรับทำคอนเทนต์สำเร็จ ควรประเมินคุณภาพของคอนเทนต์ เพื่อตรวจสอบว่าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูล จากนั้นนำผลลัพธ์ที่ได้มาปรับปรุง และแก้ไขข้อผิดพลาดของคอนเทนต์ในอนาคต
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ทริควางกลยุทธ์สำหรับสายรับทำคอนเทนต์? หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณสามารถวางแผนกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าลืมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์และกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อให้คอนเทนต์ของคุณโดดเด่น และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thesomethingincommon.com